เรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ เศรษฐีตกอับ ตอนที่รวยแล้วทะนงตน จนลืมไปว่ายิ่งบินสูงเท่าไหร่ ตอนที่ตกลงมายิ่งจะเจ็บมากเท่ๅนั้น คนเรามีช่วงขาขึ้นขาลง รวยแล้วก็อย่าฟุ่มเฟือยเพราะมีโอกาสจะหมดตัวได้
อดีตเศรษฐีท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนผมมีที่ดินมากมายตามเมืองใหญ่ ๆ รวมแล้ว 500 ไร่ พกเงินสดครั้งละเป็นแสน ทำมาค้าขึ้น ส่งลูกเรียนต่างประเทศ ภรรยาก็เล่นหุ้น ขๅยที่กำไรมากมาย
แต่อยู่มาวันหนึ่งญาติที่เดือดร้อนมาขอยืมเงิน สิ่งที่เศรษฐีทำก็คือ ไล่หนีและด่าทอมากมาย พร้อมบอกอีกว่า “gvjเงินไปนะแสนนึงแล้วบอกเขาว่าไม่ต้องมาหากูอีกนะ ”
หลังจากที่เขามีเงินมาก เขาจึงตั้งโรงงานอะไหล่ที่อยุธยา แต่โชคร้านเกิดน้ำท่วมหนักพัดพาทุกอย่างไป เหลือไว้เพียงหนี้สินสองร้อยกว่าล้าน เพราะสมบัติที่มีขๅยกินจนหมดตัว ลูก ๆ ก็ทยอยเอาสมบัติไปขๅย
เมื่อล้มละลายภรรยาก็ไปทาง ลูก ๆ ก็ไม่ติดต่อมาอีก ทุกวันนี้อายุ 76 เขาต้องคอยยกหม้อก๋วยเตี๋ยว ไปยืมเงินคนที่เคยด่า วันหนึ่งเขาไปยืมเงินญาติที่เขาเคยด่า ลูกชายของญาติคนนั้นบอกว่า
“พ่อผมบากหน้าไปยืมเงินคุณลุง เพราะตอนนั้นผมเข้าโรงพยาบาลผ่าตัด พ่อนั่งร้องไห้ คุณลุงด่าแล้วโยนเงินให้เหมือนหมา แต่เพราะเงินลุงผมจึงรอด วันนี้ผมตอบแทนลุงและลูกคุณลุงผมไม่รู้ กรรมของใครของมัน”
เขาได้รับเงินนั้นมา จึงรีบมาจ่ายค่าห้อง แต่สิ่งหนึ่งที่เขาได้รู้คือ กรรมมีจริง ทำอย่างไรได้อย่างนั้น รวยได้ก็จนได้ ถ้าตอนรวยช่วยเหลือคนไว้เยอะ ๆ ตอนนี้คงมีคนเห็นใจเขาไม่ใช่น้อย แต่ตอนที่รวยกับทำไม่ดีไว้ ตอนนี้คนสมน้ำหน้าเต็มไปหมด
แหล่งที่มา : board.postjung.com
เรียบเรียงโดย : devmeu
